วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

L-Carnitine





L-Carnitine : เพื่อรูปร่างและสุขภาพที่ดี

ใน ปัจจุบันเราคงเคยได้พบเห็นโฆษณาเกี่ยวกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหลายยี่ห้อ ที่มีส่วนผสมของสาร L-Carnitine ซึ่งส่วนใหญ่มักสื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึงประโยชน์ของ L-Carnitine ในประเด็นที่ช่วยทำให้หุ่นหรือรูปร่างดีขึ้นโดยเฉพาะผู้หญิง ส่วนผู้ชายก็สื่อถึงรูปร่างสมชายชาตรีที่มีกล้ามเป็นมัด หน้าท้องซิกแพ็ค ดังนั้นเราจึงมักรู้จัก L-Carnitine ในบทบาทของการช่วยลดน้ำหนักทำให้รูปร่างดูดี แต่ในความเป็นจริงนอกเหนือจากประโยชน์ดังกล่าวแล้ว L-Carnitine ยังมีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกายในอีกหลายๆด้าน ดังนั้นเรามาเริ่มทำความรู้จักและเข้าใจสารอาหารชนิดนี้กันให้มากขึ้น

แหล่งที่มาของ L-Carnitine

L-Carnitine เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ร่างกายผลิตได้เองจากตับและไต โดยสามารถสังเคราะห์จากกรดอะมิโน2ชนิด คือ ไลซีน (Lysine) และ เมไทโอนีน(Methionine) พร้อมกับอาศัยตัวเร่งให้เกิดการสังเคราะห์ (Catalyst)ได้แก่ วิตามิน C, วิตามิน B3 (Niacin),วิตามิน B6 (Pyridoxin) และธาตุเหล็ก

ในอาหารเราจะพบสาร L-Carnitine ได้ในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ เนื้อแดง นม ผลิตภัณฑ์จากนม ผลไม้ ได้แก่ ผลอะโวกาโด(Avocado) ธัญพืช ผักใบเขียว ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วหมัก ดังนั้นผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติเป็นประจำอาจเกิดปัญหาร่างกายขาดแคลน L-Carnitine ได้

หน้าที่หลักของ L-Carnitine

L-Carnitine ที่ ถูกสร้างขึ้นในร่างกายจะถูกนำไปเก็บสะสมไว้ที่กล้ามเนื้อลายเช่น กล้ามเนื้อตามแขน ขา ของเรานั่นเอง นอกจากนี้ยังถูกลำเลียงไปเก็บที่กล้ามเนื้อหัวใจ สมองและสเปิร์ม หน้าที่หลักของ L-Carnitine คือการช่วยลำเลียงโมเลกุลไขมันเล็กๆ เข้าสู่ Mitochondria เพื่อใช้ในเซลล์ต่างๆ ซึ่งเป็นการนำพาไขมันต่างๆไปเปลี่ยนเป็นพลังงานนั่นเอง ดังนั้นหากร่างกายขาดสาร L-Carnitine หรือ มีไม่เพียงพอที่จะนำพาโมเลกุลไขมันไปเผาผลาญจะเกิดปัญหาสุขภาพอันเนื่องมา จากร่างกายมีการสะสมของไขมันมากเกินไป และจะเกิดผลเสียตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นความอ้วน และการสะสมของไขมันตามหลอดเลือดซึ่งอาจ จะส่งผลต่อการยืดหยุ่นของหลอดเลือดและนำมาซึ่งปัญหาไขมันในเลือดสูง และความดันโลหิตสูงตามมาได้ นอกจากนี้ ยังอาจเกิดการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อแขนขา อ่อนเพลีย ซึม และเหนื่อยง่าย

ประโยชน์ของ L-Carnitine

1) การลดน้ำหนัก

ในกลุ่มคนที่มีความต้องการลดน้ำหนักหรือลดไขมันสะสม L-Carnitine เป็นทางเลือกที่ดีของผู้ที่ประสงค์จะลดน้ำหนักด้วยสารจากธรรมชาติ เนื่องจากมีการทดลองนำเอา เซลล์ไขมัน ( Adipose Tissue ) ของคนอ้วนมาทำการวิเคราะห์พบว่าในเนื้อเยื่อดังกล่าวแทบจะไม่มี L-Carnitine เหลืออยู่เลย และมีผลการวิจัยที่ยืนยันว่า L-Carnitine มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมัน และลดน้ำหนักลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ในหมู่ของนักกีฬายกน้ำหนักหรือผู้ชายที่ออกกำลังกายยกน้ำหนัก จะใช้ L-Carnitine เพื่อต้องการเสริมสร้างกล้ามให้ได้รูปชัดเจนขึ้น เนื่องการมีการนำไขมันจากบริเวณดังกล่าวไปใช้เผาผลาญเป็นพลังงงาน

L-Carnitine ซึ่งแม้ว่าจะพบมากในสัตว์เนื้อแดงก็ตาม แต่ปริมาณที่ได้จากการทานใน 1 วัน จะให้กรดอะมิโนดังกล่าวเพียง 50-200 mg.เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงไขมันสะสมไปเป็นพลังงาน ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำปริมาณที่เหมาะสมของ L-Carnitine สำหรับการลดน้ำหนักที่ขนาด 500-2,000 mg. ต่อวัน

2) เพิ่มสมรรถภาพในการออกกำลังกาย

L-Carnitine มี ผลช่วยให้ร่างกายมีสมรรถภาพในการออกกำลังกายได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากพลังงานจากไขมันส่วนหนึ่งจะไปช่วยเสริมสมรรถภาพทางร่างกายให้แข็ง แรงขึ้นได้ สามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น มีความทนทานมากขึ้นและป้องกันเนื้อเยื่อไม่ให้เกิดความเสียหายอันเนื่องมา จากปริมาณออกซิเจนในเซลล์ไม่เพียงพอ ซึ่งมีผลงานวิจัยที่สนับสนุนว่า ในการให้นักกีฬาที่มีอาการของโรคร่างกายอ่อนเพลียเรื้อรัง 7 คน รับประทาน L-Carnitine เสริมกับการฝึกซ้อม พบว่านักกีฬาสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้นโดยปราศจากอาการอ่อนเพลีย โดย L-Carnitine ช่วยให้นักกีฬาทั้ง 7 คน มีสมรรถภาพทางการวิ่งได้เร็วขึ้นเฉลี่ย 6%

3) ผลดีต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ

L-Carnitine ทำให้ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์(Ttriglycerides)อยู่ในระดับต่ำและช่วยเพิ่มระดับ คอเรสเตอรอลที่มีประโยชน์ (HDL-คอ เรสเตอรอล) ในเลือด ดังนั้นจึงช่วยลดภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือดซึ่งเป็นสาเหตุของโรคความดัน โลหิตสูงตามมา นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจโดยมีผลทำให้สุขภาพโดยรวมของหัวใจดีขึ้น และช่วยป้องกันการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวด้วย

4) เพิ่มสมรรถภาพของระบบสืบพันธุ์ในผู้ชาย

การศึกษาทางการแพทย์พบว่าในการผลิตเชื้ออสุจิ ( sperm ) จำเป็นต้องใช้ L-Carnitine เพื่อการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ของอสุจิ และในการวิจัยพบอีกว่า ในท่อนำอสุจิมีปริมาณของ L-Carnitine เข้มข้นอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากเชื้ออสุจิต้องการพลังงานในการ oxidation และเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไขมันให้อยู่ในรูป Mitochondria ซึ่งมีส่วนสำคัญในการให้พลังงานกับอสุจิเพื่อใช้ในการสร้างส่วนหางเพื่อการ เคลื่อนที่ที่รวดเร็วของอสุจิ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ L-Carnitine ในปริมาณที่เข้มข้น

จากผลการวิจัยพบว่าการเสริม L-Carnitine สามารถช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นโรค idiopathic asthenospermia หรือเรียกว่า โรคเกี่ยวกับการที่อสุจิเคลื่อนที่ช้าผิดปกติมีอาการดีขึ้นได้ โดยการวิจัยกับผู้ป่วยจำนวน 100 คน ให้รับประทาน L-Carnitine ขนาด 3 กรัม/วัน เป็นเวลา 4 เดือน พบว่าผู้ป่วยทุกคนมีอาการดีขึ้น โดยมีการเคลื่อนที่ของอสุจิเพิ่มขึ้น และยังช่วยในการเพิ่มจำนวนของตัวอสุจิมากขึ้นด้วย และมีผลการวิจัยที่คล้ายคลึงกัน โดยให้ผู้ป่วย asthenospermia รับประทาน L-Carnitine ขนาด 3 กรัม/วัน เช่นเดียวกันเพื่อวัดความเร็วของอสุจิ พบว่ามีผู้ป่วย 37 คน จากทั้งหมด 47 คน ที่มีความเร็วของอสุจิเพิ่มขึ้นและทุกคนมีค่าเฉลี่ยของจำนวนตัวอสุจิเพิ่ม ขึ้นเช่นเดียวกับงานวิจัยแรก

ขนาดที่ใช้และข้อแนะนำในการรับประทานL-Carnitine

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการรับประทานL-Carnitine เพื่อให้ผลในการลดปริมาณไขมันในร่างกายนั้นจะต้องรับประทานควบคู่กับโปรแกรม การออกกำลังกาย เนื่องจากลักษณะการทำงานของL-Carnitine นั้นเป็นการทำงานตามธรรมชาติ นั่นคือจะทำงานมากขึ้นเมื่อร่างกายมีการออกกำลังกายหรือมีความต้องการ พลังงานอย่างมาก ร่างกายของเราจะดึงเอาL-Carnitineมา ใช้เพื่อช่วยดึงเอาไขมันที่สะสมอยู่ตามแหล่ง ๆ ของร่างกายให้ถูกย่อยสลายออกเป็นกรดไขมันอิสระในเลือด แล้วนำเข้าสู่เซลล์เพื่อนำไปย่อยสลายหรือเผาผลาญเป็นพลังงานตามความต้องการ ของร่างกายอีกต่อหนึ่ง
ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานคือ วันละ 500 ถึง 2,000 มิลลิกรัม ในนักกีฬาหรือคนที่รับประทาน L-Carnitineเสริม สำหรับการเล่นกีฬา เพื่อช่วยในการสลายไขมันและช่วยทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อดีขึ้น ก็ควรต้องหยุดใช้เพื่อให้กล้ามเนื้อได้พักบ้างอย่างน้อยเดือนละ 1 อาทิตย์ โดยไม่แนะนำให้รับประทานติดต่อกันเกินกว่า 6 เดือน เนื่องจากอาจจะทำให้ร่างกายของเราขาดกรดอะมิโนชนิดอื่น ๆ อีก 19 ชนิดได้ แต่ในผู้ที่มีความจำเป็นต้องรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานให้หยุดพักทุก 6 เดือน แล้วในระหว่างที่หยุดพักควรรับประทานกรดอะมิโนชนิดอื่น ๆ ให้ครบทั้ง 20 ชนิดร่วมด้วย และการรับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ นม หรือไข่ ก็พบว่าสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้เช่นกัน

ผลข้างเคียงและข้อควรระวังในการรับประทาน L-Carnitine

เนื่องจาก L-Carnitineเป็นสารที่ได้จากธรรมชาติ ดังนั้นยังไม่มีการวิจัยใดที่พบว่าการรับประทาน L-Carnitineจะ ทำให้เกิดอาการข้างเคียงหรือเกิดความเป็นพิษ โดยเฉพาะหากรับประทานตามขนาดที่แนะนำ แต่ก็มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าถ้ากินเข้าไปมากขนาด 5 กรัม ต่อวัน หรือมากกว่าอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ ส่วนอาการข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น มีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น มีกลิ่นตัวและเกิดอาการผื่นแดง สำหรับคนที่มีอาการแพ้ต่อ อาหารโปรตีน เช่น ไข่ นมหรือข้าวสาลีไม่ควรกินผลิตภัณฑ์ที่เสริม แอล-คาร์นิทีนเป็นอันขาด รวมถึงคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับและไต เด็กที่มีอายุยังไม่ถึง 2 ขวบและสตรีมีครรภ์ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ ถ้าจำเป็นก็ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น